ดูดไขมัน (BODY JET)
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังน้ำในการช่วยกำจัดเซลล์ไขมัน หรือดูดไขมัน ด้วยเทคนิคการฉีดพ่นน้ำเป็นรูปแบบพัด (Fan Shape) เพื่อแยกชั้นไขมันออกจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเส้นประสาทและเส้นเลือดให้ได้รับผลกระทบที่น้อยที่สุด มีความปลอดภัยสูงและในขณะที่ดูดไขมัน จะดูดออกมาพร้อมกับการพ่นน้ำ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมัน และสามารถนำเซลล์ไขมันมาปลูกถ่าย (Fat Transfer) เพื่อเติมเต็มในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ใบหน้า หน้าอก สะโพก เป็นต้น
ข้อดีของการพ่นน้ำในระหว่างขั้นตอน Suction
– ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออื่นๆ รวมถึงเส้นประสาทและหลอดเลือด ทำให้เสียเลือดในปริมาณนน้อยประมาณ 1-2 %
– ช่วยรักษารูปร่างของเซลล์ไขมัน ให้มีคุณภาพที่ดีอยู่
จุดเด่นของ Body Jet
- ไม่อันตราย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ
- สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ไม่จำกัด
- เสียเลือดในปริมาณน้อย
- สามารถกำจัดส่วนเกินที่ไม่ต้องการ และนำใช้เป็น Fat Transfer ในเติมเต็มส่วนต่างๆของร่างกายได้
- ผลการทำ Fat Transfer อยู่ได้นานกว่าการฉีด Filler ทั่วไป
- ผลการทำ Fat Transfer ไม่มีการแพ้ เสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อย เนื่องจากเป็นไขมันของตัวเอง และเครื่อง Body Jet เป็นระบบปิดเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้น้อย
การเตรียมตัวก่อนทำการดูดไขมัน
1.ก่อนเข้ามารับการรักษควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อได้รับก่อนซักประวัติเกี่ยวกับโรคประจำตัว และอาการแพ้ยา
2.ควรหยุดรับประทานวิตามินต่างๆ หรือยาบางชนิดที่แพทย์สั่งให้หยุดก่อนการทำการผ่าตัด 2 สัปดาห์ หรือตามดุลยพินิจของแพทย์
3.ก่อนเข้ารับการรักษาจำเป็นต้องตรวจร่างกายก่อนทำการรักษา รวมถึงการตรวจ Anti-HIV, CBC, Blood Sugar, Lipid Profile, Bun, Creatinine, PT, PTT, Hepatitis B
4.กรณีเสริมหน้าอก ด้วยไขมันตัวเอง ให้เพิ่มการตรวจ มะเร็งเต้านม ด้วยเครื่อง Mammogram / Ultrasound
5.ในวันที่เข้ารับการบริการ ควรรับประทานอาหารก่อนให้เรียบร้อย
การปฏิบัติตนหลังการทำการดูดไขมัน
- หลังจากการดูดไขมัน อาจจะมีอาการปวดระบมเล็กน้อยประมาณ 1-2 วัน แต่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
- หลังจากการดูดไขมันเรียบร้อย หากทางแพทย์จะจ่ายยาสำหรับรับประทานให้ ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- หลังจากการดูดไขมัน ในบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดอาจจะมีน้ำซึมออกมาจากแผลเล็กน้อย ประมาณช่วง 3 วันแรกหลังได้รับการผ่าตัด หากมีน้ำซึมออกมาเต็มบริเวณผ้าปิดแผล ควรจะเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ หรือควรเปลี่ยนผ้าปิดแผลใหม่อย่างน้อย 1-2 ครั้ง/วัน
- ห้ามให้แผลที่ได้รับการผ่าตัดโดนน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากได้รับการผ่าตัด
- เมื่อผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ ควรเข้ามาให้แพทย์ผู้ให้บริการติดตามผล และเข้ารับการตัดใหม่เย็บแผล
- ควรใส่ Support รัด ในตำแหน่งที่ได้รับการผ่าตัด ตลอดเวลา ยกเว้นเวลาอาบน้ำ และใส่ Support ในตำแหน่งนั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
- แนะนำให้ทำเครื่องมือยกกระชับผิว ในกลุ่มคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) หลังจากการผ่าตัดผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ และสามารถทำได้บ่อย 1 ครั้ง/สัปดาห์
- หากต้องการทำเครื่องมือกลุ่มวิทยุ (Radio Frequency) ที่ทำงานร่วมกับแรงดูด (Vacuum) สามารถทำได้เมื่อผ่านการผ่าตัดไปแล้ว 1 เดือน
- หากในกรณีผู้ป่วยที่นำไขมันทีได้การจากดูดไขมันมาเติมในส่วนต่างๆของร่างกาย ในบริเวณที่นำไขมันมาเติมไม่ควรได้รับการกด บีบ หรือรัด ใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากจะทำให้เซลล์ไขมันที่เติมไปนั้นตายได้ ส่งผลให้ในส่วนที่เติมไปแฟบลดลงได้
หมายเหตุ : การทำการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ในบริเวณที่ทำการดูดไขมันแล้ว จะส่งผลทำให้ในผิวบริเวณที่ดูดไขมัน ออกไปดูเรียบเนียน และตึงกระชับขึ้น
a.ในกรณีที่นำมาไขมันมาเติมบริเวณหน้าอก ในช่วง 3 วันแรก ไม่ควรใส่ชุดชั้นใน ควรใช้ผ้าเทปพันบริเวณหน้าอกแทน
b.ในกรณีที่นำไขมันมาเติมบริเวณหน้าอก ห้ามใส่ชุดชั้นรัดบริเวณหน้าอก ควรใส่เป็นชุด Sport Bra หลวมๆ ประมาณ 3 เดือน หลังทำการผ่าตัด
c.ห้ามนวดหน้าอก หรือบีบหน้าอกแรงๆ ประมาณ 3 เดือน หลังการทำผ่าตัด
ศัลยแพทย์ของ MS clinic ทุกท่านได้รับการรับรองจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง (Board of Plastic Surgery) ห้องบริการทุกห้องเป็นห้องสะอาดปลอดเชื้อและเครื่องมือทุกชิ้นของเราผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อที่เข้มงวดเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงสุด รวมถึงมาตรฐานการรักษาความสะอาดด้วยการใช้แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter, เทคโนโลยี Lamina Airflow และห้องปลอดเชื้ออภายใต้แบบความดันบวก (Positive Pressure) ท่านสามารถมั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย ผ่อนคลาย และมีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริงเมื่อท่านเข้ารับบริการ ที่ MS clinic