คีเลชั่น (CHELATION)
CHELATION (คีเลชั่น)
เพราะโลกของเรา เต็มไปด้วยมลพิษทั้ง น้ำ อากาศ ดิน และอาหาร ทุกอย่างล้วนมีโอกาสที่จะปนเปื้อนสารพิษโลหะหนักได้ สารพิษโลหะหนักพบได้ในวัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ยารักษาโรค อาหารที่ผ่านกระบวนการต่างๆ แหล่งเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพ สิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงมนุษย์ ก่อให้เกิดความผิดปกติในการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้ความสามารถในการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
CHELATION (คีเลชั่น) เป็นการให้สารประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกิน ซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือด ก่ออันตรายต่อผนังเซลล์และผนังหลอดเลือด ช่วยลดการเกาะตัวของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด ช่วยรักษาอาการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและขยายตัวเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่นขึ้น
สำหรับคนที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบและแข็ง สามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดบายพาส (Bypass)ได้ถึง 80% นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณการอนุมูลอิสระในร่างกาย โลหะหนักจะถูกขจัดออกจากร่างกายทางระบบการขับถ่ายปัสสาวะ
ระยะเวลาในการให้คีเลชั่นทางหลอดเลือดดำ แต่ละครั้ง ประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง โดยระหว่างนั้นสามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ รับประทานอาหารว่าง อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ตามปกติธรรมดา ภายหลังจากการ รักษาก็สามารถประกอบกิจกรรมได้ตามปกติ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ CHELATION
- ขจัดสารพิษตกค้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
- ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตัน และตีบแคบทั้งในสมองและหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด
- ป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
- ช่วยแก้ไข และบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง, โรคอันเกิดจากระบบการไหลเวียน, เบาหวาน, โลหะหนักเป็นพิษ, ปวดศีรษะเรื้อรัง
- ลดอาการอักเสบของผิวหนัง
- บรรเทาอาการอัลไซเมอร์ ช่วยให้สมองแจ่มใส และมีความจำดีขึ้น
- ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหายไป
- ช่วยให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ ดีขึ้น
CHELATION เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม (Amalgum)
- ผู้ที่มีไขมันในเส้นเลือดสูง, มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคนรอบข้างสูบบุหรี่ ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
- ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็ง และโรคเส้นเลือดตีบตัน
- รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัว และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
- ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เกิดขึ้น ซึ่งการทำคีเลชั่นจะลดความเสี่ยงเหล่านั้นได้
ข้อควรรู้ เมื่อต้องการทำ CHELATION
ควรตรวจร่างกายเพื่อประเมินปัญหาที่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของไต (Creatinine , GFR) ก่อนเข้ารับบริการ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากขึ้น แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้ เพราะระหว่างการทำอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้บ้าง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
หากต้องการทำคีเลชั่น ควรเริ่มต้นอย่างไรดี….
ที่ MSCLINIC มีโปรแกรมทำคีเลชั่นบำบัด ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก ตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้…
- ตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือด (Live blood analysis) – แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกร็ดเลือด สิ่งแวดล้อม (โลหะหนัก) ในกระแสเลือดและความบกพร่องของลำไส้เล็ก
- ตรวจปัสสาวะ – ตรวจหาปริมาณโลหะหนักในร่างกาย เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว แคดเมี่ยม หรือนิคเกิล
- ตรวจสารโลหะหนักในเนื้อเยื่อ – หากพบว่าปัสสาวะให้ผลไม่เกินค่าปกติแนะนำให้ทำ ทดสอบทำคีเลชั่น ว่ามีปริมาณสารโลหะหนักในเนื้อเยื่ออีกหรือไม่ ซึ่งผลการทดสอบจะให้ค่าออกมาในสองลักษณะ
ผลข้างเคียงจากการทำ CHELATION
ในระยะแรกบางท่านอาจมีอาการอ่อนเพลีย อันเนื่องจากกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นแก้ได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำผลไม้และรับประทานอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ตามความต้องการของ ร่างกาย
การปฏิบัติตัวเมื่อรับบริการคีเลชั่นบำบัด
- ก่อนทำควรพบแพทย์ และตรวจระดับการทำงานของไต
- ระหว่างที่ร่างกายกำจัดสารพิษ และลดโลหะหนักสะสม ไตจะทำงานเพิ่มขึ้น ควรดื่มน้ำสะอาดมากขึ้น
- ควรรับประทานวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ในรูปอาหารเสริมเพิ่มขึ้นจากอาหารประจำวัน เพราะอาจมีการสูญเสียแร่ธาตุไปบ้างในระหว่างการทำคีเลชั่นคำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังทำคีเลชั่นบำบัด
- ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวันเป็นเวลา 3 วัน หลังจากทำคีเลชั่นบำบัดเพื่อให้ช่วยนำพาสารพิษขับออกทางปัสสาวะได้มากขึ้น
- กลางคืนนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากหลังทำคีเลชั่นอาจมีอาการอ่อนเพลียซึ่งเป็นผลจากการขับสารพิษออกจากร่างกาย
- หลังการทำคีเลชั่นบำบัด สามารถรับประทานยาที่รับประทานอยู่ประจำได้ตามปกติ และควรรับประทานวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ตามที่แพทย์จัดให้
- อาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้กับผู้ป่วยน้อยราย ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือดื่มน้ำผลไม้ทดแทน ซึ่งอาการจะทุเลาลงและหายไปเอง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
- ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของสีผสมอาหาร อาหารทะเลที่มีตะกั่วปนเปื้อน เป็นต้น
คีเลชั่นบำบัด ควรทำบ่อยแค่ไหนถึงจะดี
ในแต่ละบุคคลจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล และผลที่ได้ภายหลังการทำคีเลชั่น โดยทั่วไปในรายของคนที่มีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจต้องเข้ารับการบำบัดด้วยคีเลชั่นประมาณ 20 ครั้ง
อาหารเสริมกลุ่มที่แนะนำให้รับประทานในระหว่างโปรแกรม CHELATION
- รับประทานอาหารเสริมในรูปวิตามิน เช่น วิตามินรวม
- รับประทานแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น Zinc , Selenium เพื่อทดแทนส่วนที่อาจสูญเสียในระหว่างโปรแกรม